7 มาตรการกำจัดเห็บหมัดให้อยู่หมัด
Last updated: 30 ส.ค. 2566 | 2541 จำนวนผู้เข้าชม |
7 มาตรการกำจัดเห็บหมัดให้อยู่หมัด
เมื่อเข้าหน้าฝน สิ่งหนึ่งที่คนรักสัตว์เลี้ยงทั้งหลายต้องระวังมากเป็นพิเศษคือเจ้าเห็บหมัดตัวร้ายที่ทำให้น้องหมาน้องแมวเกิดอาการคันยุกยิก ๆ เพราะเจ้าเห็บหมัดจะสามารถฟักตัวได้ดีในอากาศที่มีลักษณะชื้น ซึ่งหากปล่อยไว้นาน ๆ อาจนำโรคมาสู่สัตว์เลี้ยงที่รักของคุณได้
โรคโลหิตจาง – เนื่องจากเห็บและหมัดเป็นแมลงที่ดูดกินเลือดเป็นอาหาร การที่มีเห็บหมัดมาเกาะอาศัยตามตัวเป็นจำนวนมาก อาจทำให้ถูกดูดกินเลือดจนส่งผลให้เป็นโรคโลหิตจางได้
โรคพยาธิเม็ดเลือด – เป็นโรคที่พบมากและเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง โดยสาเหตุเกิดได้ทั้งจากการที่โดนเห็บหมัดกัดและจากการที่กินตัวเห็บหมัดที่มีพยาธิเข้าไป โดยตัวพยาธิจะเข้าไปกัดกินทำลายเม็ดเลือด
โรคภูมิแพ้น้ำลายเห็บหมัด – เป็นการอักเสบและมีตุ่มขึ้นบริเวณผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการแพ้น้ำลายของเห็บและหมัด ทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดอาการคันอย่างรุนแรง จนทำให้ผิวหนังอักเสบ บวมแดงและเกิดเป็นแผลได้
การติดเชื้อพยาธิตัวตืด – เป็นพยาธิลำไส้ชนิดหนึ่ง ซึ่งติดต่อผ่านหมัดที่กินไข่พยาธิเข้าไป โดยหากสัตว์เลี้ยงบังเอิญกินหมัดที่มีไข่พยาธิเข้าไป ก็จะทำให้มีอาการอุจจาระเหลว มีอาการคันก้นและอาจมีภาวะท้องมานเนื่องจากการสูญเสียโปรตีนและสารอาหารให้กับพยาธิ
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้น้องหมาน้องแมวที่คุณรักต้องพบเจอกับโรคที่มาจากเห็บหมัด เรามีวิธีที่จะช่วยให้คุณกำจัดเห็บหมัดให้หมดไปได้อย่างอยู่หมัด
- ตัดขน การตัดขนที่ยาวรุงรังให้สั้นลงจะทำให้เห็นพวกเห็บหมัดได้ง่ายขึ้น และสามารถจัดการได้อย่างทันท่วงที
- แชมพูกำจัดเห็บหมัด การอาบน้ำด้วยแชมพูเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยกำจัดเห็บหมัดได้
- แป้งกำจัดเห็บหมัด ใช้โรยบนตัวน้องหมาน้องแมว จะสามารถป้องกันการแพร่พันธุ์ของเห็บหมัดได้เป็นอย่างดี
- ยากินกำจัดเห็บหมัด
- ยาหยอดบนหลังคอ ตัวยาจะซึมไปกับผิวหนัง ซึ่งหลังจากหยอดไม่ควรอาบน้ำประมาณ 2 วัน เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานของตัวยา
- สเปรย์กำจัดเห็บหมัด ใช้พ่นได้ทั้งที่ตัวและที่นอน โดยควรพ่นทันทีหลังอาบน้ำหรือทำความสะอาดที่นอน
- ทำความสะอาดที่นอน ควรหมั่นทำความสะอาดตามที่นอน เบาะรองนอนหรือหมอนเป็นประจำ เพราะอาจจะมีพวกเห็บหมัดเกาะอาศัยอยู่ตามที่ ๆ สัตว์เลี้ยงนอนหรือสัมผัส
ซึ่ง 7 มาตรการนี้จะช่วยปกป้องน้องหมาจากเจ้าศัตรูตัวร้ายพวกนี้ได้เป็นอย่างดี
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
โรคจากศัตรูตัวจิ๋ว
29 ธ.ค. 2567
โรคตาขุ่นในแมว
6 ธ.ค. 2567
