สุขภาพช่องปากของแมวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่มักถูกมองข้าม เพราะแมวมีนิสัยซ่อนความเจ็บปวดได้ดี แต่หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามจนอันตรายถึงชีวิต! มาสำรวจสัญญาณเตือนจาก "สิ่งที่เห็นด้วยตา" และ "กลิ่นที่สัมผัสได้" ที่บอกว่าควรพาน้องแมวไปตรวจกับสัตวแพทย์ด่วน
: สัญญาณจาก "สิ่งที่เห็นด้วยตา" ที่ไม่เหมือนเดิม
1. เหงือกแดง-บวม-มีเลือดออก
- เหงือกสุขภาพดีควรมีสีชมพูอ่อน หากเหงือกแดงคล้ำ บวมเป่ง หรือมีเลือดออกเวลาเคี้ยวอาหาร เป็นสัญญาณเริ่มต้นของ "เหงือกอักเสบ" หรือ "โรคปริทันต์"
2. ฟันเหลือง-มีคราบหินปูน
- ฟันแมวสุขภาพดีต้องขาวสะอาด หากพบคราบสีเหลืองหรือน้ำตาลติดแน่นบริเวณโคนฟัน แสดงว่ามีหินปูนสะสม ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย
3. น้ำลายไหลมากผิดปกติ- หากน้ำลายไหลมากเกินไป เหนียวข้น มีฟองปน หรือไหลตลอดเวลา อาจเกิดจากแผลในช่องปากหรือมีฟันผุ
4. พฤติกรรมการกินเปลี่ยนไป- จากแมวที่เคยกินเก่ง เคี้ยวอะไรก็ง่าย จะสังเกตเห็นว่า เริ่มเคี้ยวอาหารข้างเดียว ทิ้งอาหารไว้ในจาน บ้วนอาหารออก หรือสะดุ้งเวลากิน แปลว่ามีจุดเจ็บปวดในช่องปาก
- ชอบนำอุ้งมือมาเขี่ยที่ปาก
5. ฟันโยก-หลุด หรือมีหนอง- สังเกตฟันหน้าหรือเขี้ยว หากโยกคลอน หลุดง่าย หรือมีหนองซึมบริเวณเหงือก เป็นอาการระยะรุนแรงที่ต้องรักษาทันที
: สัญญาณจาก " กลิ่นสัมผัสได้ " ที่แปลกไป 1. กลิ่นปากเหม็นรุนแรง- ปกติแมวอาจมีกลิ่นปากอ่อนๆ แต่ หากมีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนขยะหรือซากสัตว์ บ่งชี้ถึง การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ เศษอาหารเน่าติดตามซอกฟัน
2. กลิ่นโลหิตหรือกลิ่นคาว- กลิ่นเลือดหรือเหล็กปนมากลิ่นปาก ส่อเค้าเหงือกอักเสบเรื้อรัง หรือมีแผลในช่องปาก
3. กลิ่นเปรี้ยว-คล้ายผลไม้เน่า- อาจเป็นสัญญาณของ โรคเบาหวาน หรือ ภาวะไตวาย ที่ส่งผลให้ลมหายใจมีกลิ่นผิดปกติ
: 3 สิ่งที่ต้องทำทันทีเมื่อพบอาการ หากทิ้งไว้ย่อมส่งผลถึงสุขภาพโดยรวม
1. ตรวจช่องปากเบื้องต้น : ใช้ไฟส่องดูฟันและเหงือก หากพบคราบหนา/แผล ให้บันทึกภาพไว้แสดงสัตวแพทย์
2. ปรับอาหารชั่วคราว : ให้อาหารเปียกหรือน้ำซุปเพื่อลดการเคี้ยว
3. นัดตรวจคลินิกทันที : ห้ามซื้อยามาทาเอง เพราะอาจทำให้ติดเชื้อลุกลาม